Famtrip Maldives 8-11 July 2013 by Un
วันที่ 8 กรกฎาคม 56
07.25 นัดเจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เคาท์เตอร์ F12 ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ เจอคุณเอ็มกับคุณนุ่น เจ้าหน้าที่ของบางกอกแอร์เวย์ที่เดินทางไปด้วย รวมถึงพี่โชค (เจ้าหน้าที่ของ Club Med ที่เคยมาที่ออฟฟิศของเรานั่นเอง) ทางบางกอกแอร์เวย์ ก็แจกใบตม.ให้เขียน และจากนั้นคณะก็ทยอยเดินทางกันไปยังเล้าจน์ของ Bangkok Airways
เดินเข้าไปยังหน้าเคาน์เตอร์ เราก็นำ บอร์ดดิ้งพาส ไปให้พนักงานต้อนรับที่เคาน์เตอร์ พนักงานจะถามว่า
“ใช้ Wifi หรือเปล่าคะ” ใช้หรือไม่ใช่ก็สามารถแจ้งเค้าเลยนะคะ ห้องรับรองของบางออกแอร์เวย์มีสองฝั่ง
ฝั่งขวาคือฝั่งของ Business หรือผู้ที่เป็น Serenade ของ AIS ก็สามารถไปใช้ได้เช่นกัน 1 สิทธิ์สามารถเชิญแขกเข้าไปได้อีกคน
ส่วนฝั่งซ้าย จะเป็นของฝั่งผู้โดยสารชั้นประหยัด หรือหากฝั่ง Business ต้องการใช้ก็ได้ ไม่มีปัญหานะคะ ^^
มาพูดถึงฝั่งรับรองลูกค้าทุกประเภทฝั่งซ้ายก่อนนะคะ
เดินเข้ามาจะมีที่นั่งมากมายสีส้มเขียว และมีเคาท์เตอร์อาหาร ที่ทุกท่านสามารถมาบริการตัวเองได้
ของดังขึ้นชื่อของบางกอกแอร์เวย์ก็คือ ข้าวต้มมัด ซึ่งอันสอบถามคนอื่นว่ารสชาติเป็นอย่างไร ทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยดี แต่เนื่องจากว่าทำตั้งไว้ อาจจะไม่ได้อุ่นนัก แต่โดยรวมผ่านค่ะ
จากนั้นทางบางกอกแอร์เวย์ก็ใจดี ให้คณะของเราเข้าชมฝั่งรับรองพิเศษ ฝั่งนี้ห้องรับรองจะมีสีโทนเข้มขึ้นให้ดูสมาร์ทและหรูกว่า
ที่นั่งจะเป็นโซฟาและมีโต๊ะเล็กๆไว้สำหรับวางของ และอาหารสำหรับฝั่งนี้ก็จะมีเยอะกว่า เช่นติ่มซำ เค้ก เป็นต้นค่ะ
เมื่อถึงเวลาใกล้เครื่องออก ก็ออกจากห้องรับรองไปยังเกจ สำหรับไฟล์ทนี้ เราต้องนั่งรถตู้จากสนามบินไปยังลานบิน ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีกว่าจะถึงเครื่องบินของเรา จากนั้นก็หาที่นั่ง และออกเดินทางสู่สาธารณรัฐมัลดีฟส์
บินกับบางกอกแอร์มีแต่กินและกิน หลังจากที่ยังไม่ทันหายอิ่มจากเล้าจน์ ขึ้นเครื่องไปประมาณ 1 ชั่วโมงก็แจกถั่วกินเล่น อร่อยนะเธอว์
แอร์ก็เสิร์ฟเครื่องดื่มต่างๆ ไป และพอถึงเวลาปประมาณ 11.30 ของไทย หรือประมาณ 1 ชั่วโมงหลังจากแจกขนม ก็เสิร์ฟอาหารกลางวัน เมนูของบางกอกแอร์เวย์ จะมีให้เลือก 3 เมนูโดยทั่วไป เช่น ข้าวกับไก่ มันฝรั่งกับกุ้ง บะหมี่ปลา เป็นต้น มักเป็นเนื้อสัตว์สามประเภทเสิร์ฟกับแป้งต่างชนิด หุหุ แต่ข้าวของบางกอกแอร์เวย์ เค้าโปรโมทมาว่าปลูกเอง ออร์แกนิกสุดๆค่ะ
เมนูที่อันสั่งเป็นข้าวกับมัสมันไก่ ข้าวอร่อย แต่มัสมันรถชาติอาจจะไม่จัดจ้านเพราะอย่างไรก็เสิร์ฟให้กับต่างชาติด้วย
แต่ทริปนี้เป็นหนึ่งในทริปที่ไม่ได้หลับบนยานพาหนะค่ะ เนื่องจากผู้ใหญ่ที่นั่งด้วยสองท่านแลกเปลี่ยนความรู้และสบการณ์กัน
ซึ่งก็คือคุณเจมส์จาก Thai travel Center และคุณโอ๋จาก ลีไลแอนซ์ ฟังเพลินกินเพลินก็ถึงมัลดีฟส์ซะแล้ว
ก่อนลงก็ตื่นตาตื่นใจกับภาพหมู่เกาะ ประทับใจมากค่ะ เป็นธรรมชาติที่สร้างสรรค์มาได้อย่างสวยงามจริงๆ
เพราะทุกเกาะเกิดจากปะการังทั้งหมดเรียงตัวกันเป็นวงกลมๆ กว่าพันเกาะ อลังการณ์มาก ซึ่งทำให้มองเห็นสีของน้ำที่ตื่นลึกได้อย่างชัดเจน ถ้าน้ำตื่นจะสีฟ้าสว่าง และหากเป็นน้ำลึกจะเป็นสีน้ำเงินเข้ม เมื่อมาถึงก็อย่าลืมที่จะย้อนเวลากลับไป 2 ชั่วโมง ซึ่งก็เป็นเวลา 11.30 โดยประมาณ ณ สาธารณรัฐมัลดีฟส์
สนามบินมัลดีฟส์เป็นสนามบินที่เล็กมากๆ ตั้งอยู่บนเกาะซึ่งหากจากเมืองหลวงมาเล่ นั่งเรือข้ามฝากประมาณ 15 นาที
เมื่อเข้ามาในสนามบินก็ต้องต่อแถวผ่านตม. เหมือนทุกที่ สนามบินที่มัลดีฟส์จะไม่มีพนักงานมายกกระเป๋าให้ ทุกอย่างจะต้องบริการตัวเอง
รับกระเป๋าจากสายพานแล้วก็ผ่านเครื่องสแกนอีกครั้งนึง เมื่อออกจากทางออกของสนามบิน จะมีเคาน์เตอร์ของโรงแรมต่างๆมากมายตั้งอยู่
เราต้องไปติดต่อแต่ละเคาน์เตอร์ ตามโรงแรมที่เราจองไว้ ได้ ในวันนี้คณะของบางกอกแอร์เวย์จะไปเยี่ยมชมโรงแรมและเข้าพักที่ Centara Ras Fushi หลังจากที่ติดต่อเคาน์เตอร์โรงแรมแล้ว จะได้รับแท็กติดกระเป๋า และคีย์การ์ดเข้าห้องพัก บริเวณนี้ หากท่านใดสนใจซื้อซิมส์โทรศัพท์ได้ โดยราคาตามแพ็คเกจต่างๆเริ่มต้นประมาณ 100 เหรียญสหรัฐ เมื่อจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จ เจ้าหน้าที่จะพาเราไปยังท่าเรือ เรือจากโรงแรมจะมีเวลาตามแต่ละโรงแรมกำหนด และไม่สามารถขึ้นมั่ว
การเดินทางไปยังโรงแรม Centara Ras Fushi ใช้เวลาประมาณ 20 นาที โดย Speedboat เมื่อเดินทางมาถึงก็จะมีคนมาต้อนรับค่ะ อบอุ่นจัง ยังไม่ทันหิวก็ต้องทานมื้อเที่ยง(รอบสอง)อีกแล้ว โดยทั่วไปการรับประทานอาหารที่มัลดีฟส์จะนับครบวัน วันละสามมื้อ หากเราทานมื้อแรกเป็นกลางวัน มื้อสุดท้ายที่เราจะสามารถรับประทานที่โรงแรมได้คือมื้อเช้าก่อนกลับ ที่ห้องอาหาร Ocean View เป็นบุฟเฟ่ต์ทานได้ไม่จำกัด 3 มื้อเลย ที่ Centara Ras Fushi ก็เป็นที่พักแบบ All Inclusive เช่นกัน
อาหารมีแบ่งเป็นโต๊ะ อาหารไทย อิตาลี ขนมปัง สลัด ของหวาน และเนื่องจาก Centara เป็นเครือโรงแรมของคนไทย อาหารไทยก็เลยมีรสขาติที่ดีมากค่ะ ถูกใจคนไทยแน่นอน
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ฝนก็ตก เพราะช่วงนี้เป็นฤดูฝนของมัลดีฟส์ (พฤษภาคม –พฤศจิกายน) ฝนตกประมาณ 15 นาทีก็หยุด กูรูบอกเราว่า โดยปกติหน้าฝนที่นี่จะเป็นอย่างนี้ ตกแป๊ปเดียว แต่อาจจะบ่อยครั้ง เช่นวันละ 2 – 4 ครั้ง หลังจากฝนหยุด พวกเราก็ไปทำการ Inspection ดูห้องพักของโรงแรม รวมทั้ง สิ่งอำนวยความสะดวกที่โรงแรมมี ให้บริการ
ห้องพักที่โรงแรม Centara มีสี่ประเภท สามารถดูได้จาก Hotel FactSheet เลยนะคะ
สปา ห้องเล่นเกม ร้านอาหารไทย ร้านอาหารอิตาลี สระว่ายน้ำ บาร์
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ คณะก็แยกย้ายกันกลับห้อง
ใช้เวลาในห้องพอสมควร
17.00 น. ทางโรงแรมก็ได้พาเราไปนั่งเรือชมพระอาทิตย์ตกดินกลางทะเล โดยมีแชมเปญและคานาเป้เสิร์ฟอยู่เรื่อยๆ ระหว่างที่อยู่กลางทะเล สามารถเห็นได้เลยว่า บางพื้นที่จะมีฝนตก
เมื่อกลับมา ก็ไปบาร์ และไปรับประทานอาหารเย็น ที่ร้านอาหารสวนบัว ซึ่งโดยปกติแล้ว ลูกค้า All Inclusive จะมี Credit ให้ทานอาหารที่ร้านอาหารสวนบัวและร้านอาหารอิตาเลี่ยน คนละ 40 เหรียญ นอกเหนือจากนั้นน ต้องจ่ายเพิ่มเติม
เสร็จสิ้นทุกอย่างสำหรับวันนี้ แยกย้ายกันเข้าห้องพักของตน อิสระตามอัธยาศัย ที่ Centara จะมี Wifi ค่อนข้างจะคลอบคลุมตลอดทั้งเกาะ สะดวกสบายต่อการอัพเดทข่าวสารต่างๆ
ลูกค้าสามารถเช่าอุปกรณ์ ดำน้ำตื้นได้ที่ศูนย์กีฬา โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
วันที่ 9 กรกฎาคม 56
ตื่นเช้ารับประทานอาหาร อิสระตามอัธยาศัย เวลานัดต้องเช็คเอาท์และทำทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน 9.30 เพราะต้องเดินทางกลับไปยังสนามบิน เวลานี้นี่เองที่เป็นเวลาให้เราสำรวจโลกใต้น้ำ ดูปะการังและปลาทะเล …
9.30 น. ถึงเวลานัดทุกคนมารวมตัวกัน ถ่ายรูปพอประมาณที่ท่าน้ำ เจ้าหน้าที่จากทาง Centara ก็มาโบกมือลาพวกเราให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ จากนั้นก็เดินทางกลับมายังสนามบิน ขนย้ายสัมภาระออกจากเรือ และไปรอที่จุดขึ้นเรือของ Club Med ไม่นานเกินรอ พนักงานจาก Club Med ก็มารับ เดินทางโดยสปีดโบทใช้เวลาประมาณ 30 นาที
คลับเมดตั้งอยู่บนเกาะที่ค่อนข้างใหญ่ และเนื่องจากเปิดมานานพอสมควร จึงมีความร่มรื่น เห็นต้นไม้ใหญ่ได้ตลอดทาง
10.30 เดินทางถึงท่าเรือของโรงแรมก็เดินเข้ามาสู่ส่วนพื้นที่ส่วนกลางหรือ Public Area ก็มีคณะ G.O. ย่อมาจากGentil Organisateur หรือผู้ดูแลแขกในคลับเมดนั่นเอง
มาถึงก็เดินทางเอาสำภาระไปเก็บที่ห้อง วันนี้ได้นอนที่ห้องDeluxe Beach Front ห้องที่ได้อยู่เกือบริมสุด เงียบสงบ ใช้เวลาเดินจากพื้นที่ส่วนกลางประมาณ 15 นาที โดยมี G.O. นำทาง เมื่อเก็บของแบบคร่าวๆเสร็จแล้ว ก็มารับประทานอาหารกลางวันที่ห้องอาหารรวม อาหารที่นี่มีมากมาย จะมีเครื่องดื่มประจำวัน อาหารประจำวัน อาหารจีน ญี่ปุ่น อิตาเลี่ยน อินเดีย ของหวาน ผลไม้ และเครื่องดื่ม
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวชมเมืองมาเล่ เมืองหลวงที่เล็กที่สุดในเอเชีย ความยาวของเกาะคือ 2 ก.ม. กว้าง 1 ก.ม.
14.00 น. เรือออกเดินทางจากคลับเมดไปยังเมืองมาเล่ เยี่ยมชมสถานที่สำคัญต่างๆของประเทศไม่ว่าจะเป็น กระทรวงกลาโหม ที่ว่าการรัฐบาล สุเหร่าประจำชาติ สุเหร่าฮูคูรุ ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ อนุเสารีย์เมื่อครั้งที่เป็นอิสระจากศรีลังกา สวนสุลต่าน พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ตลาดพืชผัก และตลาดปลา เที่ยวชมเมืองประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ก็เป็นเวลาอิสระซื้อของที่ระลึก ร้านที่ระลึกจะอยู่บนถนนเส้นดียวกัน บริเวณกลางเมือง ร้านจะมีของขายเยอะแยะมากมาย ซื้อของจนถึงเวลาอันสมควร เดินทางไปสู่ท่าเรือเพื่อเดินทางกลับสู่โรงแรม
17.00 น. หลังจากกลับมาที่โรงแรม ก็เป็นช่วงเวลาในการ inspection ห้องต่างๆ รายละเอียดสามารถดูได้จาก Factsheet
19.30 น.รับประทานอาหารเย็น ที่คลับเมด ทุกวันเค้าจะมี concept ให้แต่งตัวต่างๆกันไป เป็นกิจกรรมที่แขกทั้งเกาะสามารถทำร่วมกันได้ เช่นวันนี้มีธีม แต่งตัวชุดดำแดง ทุกวันจะมีการเต้น Crazy Dance ร่วมกัน มีโชว์จาก G.O. เป็นการเต้นสไตล์อาหรับ และมีการแสดงตลกๆที่ให้แขกที่เข้ามาพักร่วมสนุกด้วย เรื่องเครื่องดื่มตามสบายเลยค่ะ Unlimited จากนั้นก็อิสระตามอัธยาศัย โดยบาร์เครื่องดื่มจะปิดให้บริการประมาณไม่เกินตีหนึ่ง (G.O. ขอนอนบ้างครับผม)
วันที่ 10 กรกฎาคม 56
เช้า ในวันนี้อิสระทั้งวันใน Club Med Kani วันนี้อันตื่นตอน 7 โมง ฟ้าครึ้มลมแรงนิดหน่อย ออกไปรับประทานอาหารเช้าประมาณ 8 โมง เตรียมชุดว่ายน้ำให้พร้อม เนื่องจากวางแผนไว้ว่าจะไปดำน้ำพิชิตความกลัว(ปลา) ดำน้ำจะมีวันละ 2 รอบ เช้า 9.30 และ 14.00 น. ก่อนจะไปดำน้ำ ก็ต้องทดสอบว่ายน้ำก่อนประมาณ 10 เมตร ค่ะ ระหว่างรอไปทดสอบว่ายน้ำ ก็สามารถเก็บเกี่ยวเวลาในการใช้อินเตอร์เน็ต บนพื้นที่ส่วนกลาง
9.30 น. ทดสอบว่ายน้ำเรียบร้อยแล้ว เรือก็พาเราไปจุดดำน้ำตื้น(?) ทางคลับเมดจะมีจุดดำน้ำอยู่ประมาณ 15 จุดค่ะ ตอนแรกอันจะได้ไปตรงที่เค้าเรียกว่า Aquarium ที่ซึ่งมีปลาเยอะแยะมากมาย ตายๆ สวรรค์ของคนชอบปลาจริงๆ แต่บุญของอันหนุนส่งให้คลื่นลมแรงพอประมาณทำให้เปลี่ยนจุดดำน้ำเป็นอีกที่หนึ่ง ระหว่างทางก็มีปลาโลมาอยู่ลิบๆ ซึ่งอันไม่เห็นค่ะ น่าเสียดายจังเลย ขึ้นเรือไปประมาณ 30 นาที เรือก็หยุด มองลงไป น้ำยังสีน้ำเงินอยู่เลย ทางคณะบอกให้ทุกคนใส่อุปกรณ์ให้พร้อมและกระโดดลงทะเล การดำน้ำเช้านี้ เป็นการดำรอบเกาะปะการังเล็กๆ วนเป็นวงกลม แล้วกลับไปยังเรือ จากการสอบถามทางคณะที่เคยไปดำน้ำมาก่อนเมื่อวานเย็น ทางคลับเมดจะให้ดำจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งแล้วเรือมารับ และจุดดำน้ำก็ไม่ไกลจากคลับเมดมากเท่าไหร่ค่ะ ดำน้ำประมาณ 45 นาทีก็ถึงเวลาขึ้นเรือ ระหว่างเดินทางกลับก็มีเหตุการณ์ระทึกใจ เมื่อ G.O. ตาดีมากๆ ตะโกน “Rescue Rescue” ทั้งคณะก็มองไปที่ทะเล เห็นกองอะไรติดแหลอยู่กลางทะเล G.O. รีบกระโดดลงไป และลากกองนั้นเข้ามา แล้วทุกเห็นก็ได้เห็นว่ามีน้องเต่าติดอยู่ในนั้น เป็นบุญตาที่ได้เห็นเต่าทะเลอินเดียใกล้ๆ พี่ G.O. ใช้ฟันกัดแห แล้วปล่อยน้องเต่ากลับสู่ทะเล และเดินทางกลับไปยัง โรงแรม
ประมาณ 11 โมงครึ่งก็เดินทางถึงจุดหมาย ทุกคนเหน็ดเหนื่อยกับการดำน้ำที่คลื่นแรงมาก จึงมานั่งพักที่ชายหาดใกล้ๆสระว่ายน้ำ อ่อ ลืมบอกค่ะ ที่คลับเมดจะมีการ์ดให้แลกผ้าเช็ดตัวได้ตลอดทั้งวัน เมื่อกลับมาถึงที่สระว่ายน้ำก็กำลังทำกิจกรรม แอร์โรบิกน้ำ G.O. Sport ที่พึ่งกลับจากการดำน้ำมา ก็ไปเข้าร่วมต่อ แข็งแรงกันมาก อึ้งและประทับใจค่ะ (รวมถึง ประทับใจน้องวัยรุ่นสุดหล่อในสระด้วย อิอิ) หลังจากนั้นไม่นานก็เสร็จสิ้นแอร์โรบิกน้ำ ก็เป็นการเล่นบาสเก็ตบอลน้ำ ประมาณครึ่งชั่วโมงอันก็ไปทานอาหารกลางวัน
12.30 น. รับประทานอาหารกลางวันเสร็จไปเก็บของเพื่อย้ายไปพักที่ Lagoon Suite
14.00 น. เช็คอินเข้าพัก อิสระเล่นน้ำตามอัธยาศัย เย็นๆว่าจะไปพายเรือแคนู แต่คลื่นแรง เลยไม่มีการเล่นค่ะ
เล่นน้ำเสร็จก็อาบน้ำ เปลี่ยนชุด เตรียมรับประทานอาหารเย็น ธีมวันนี้เป็นธีมใส่ชุดสีขาว ห้องอาหารย้ายมาจัดตั้งบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง สวยมาก G.O. ใส่ชุดนางฟ้าน่ารัก และแล้วก็มีเรื่องสุดแสนเซอร์ไพร์สเกิดขึ้น เมื่อบริเวณสวนอาหารเปลี่ยนเพลงเป็นเพลง Happy Birthday และมีเค้กสวยๆลอยมาแต่ไกลมา HBD ให้อันกับพี่ๆอีกสองคน ทราบหลังจากนั้นไม่นานว่าเกิดเดือนกรกฎาคมกันประมาณ 4 คน แต่เฮียแตงโมมีธุระด่วนกลับไปก่อน เลยเหลือ 3 คน แต่ก็ถือว่าเยอะนะเนี่ย หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ กิจกรรมของคลับเมดตอนค่ำเป็นการเดินแฟชั่นโชว์เสื้อผ้าคลับเมด เฮฮาตามสไตล์ ก็เป็นอีกคืนหนึ่งที่สนุกสนาน จากนั้นอิสระตามสบายค่ะ
เพิ่มเติมสำหรับห้อง Lagoon Suite สามารถสั่งอาหารเช้ามารับประทานที่ห้อง โดยไม่ต้องไปที่ส่วนกลาง โดยจะมีกระดาษเมนูให้เลือก และวางใส่กล่องหน้าห้องก่อนเวลา 5.00 นาฬิกา
วันที่ 11 กรกฎาคม 56
เช้า ตื่นเช้าเดินถ่ายรูปปลา เพราะน้ำนิ่งมากๆ จากนั้นพนักงานคลับเมดนำอาหารมาเสิร์ฟตามเวลาที่เราเลือกไว้ อาบน้ำแต่งตัว เก็บของ และแล้วก็ถึงเวลาของการจากลา ลากกระเป๋าจากบ้าน AF เอ๊ย ไม่ใช่นะคะ ถึงเวลาเช็คเอาท์ออกจากที่พักโดยทิ้งกระเป๋าไว้ที่หน้าห้อง จะมีเจ้าหน้าที่มานำกระเป๋าของเราไปที่ท่าเรือ ก่อนการจากลาจากเกาะสวรรค์ก็มีทีม G.O.ไทยและเทศมาส่งเราที่ท่าเรือ ประทับใจไม่หายเลยค่ะ (G.O. หล่อ อิอิ)
เดินทางถึงสนามบินก็เช็คอิน โหลดกระเป๋า ผ่านตม. และพบว่าที่นี่มี Duty Free ให้เดินเล่นรอเวลาเครื่องออก เมื่อถึงเวลาอันสมควรก็ต้องบอกลาประเทศมัลดีฟส์ด้วย ไว้มีโอกาสจะมาใหม่นะจ๊ะ ขอบพระคุณผู้สนับสนุนหลัก Bangkok Airways และ Always Vacation มากๆค่ะ
จบแล้ว สวัสดีค่ะ