Cambodia Trip by Jidapa@AlwaysVacation
1 Febuary 2013
การเดินทางยังกัมพูชาครั้งนี้ ออกเดินทางจากกรุงเทพ ผ่านรถทัวร์ของคาสิโน สามารถหาเบอร์ได้ในอินเตอร์เน็ต เราเดินทางโดยรถทัวร์ของบ่อนบริษัท ส ประเสริฐทัวร์ ขี้นรถหน้าสวนลุม 4.30 นาฬิกา ติดต่อคุณยุ้ย เพื่อสารองที่นั่งได้ที่เบอร์ 0811515051 หรือ 0830715933 ค่ารถมาโรงเกลือ 200 บาทต่อเที่ยว รถจะจอดรออยู่บริเวณหน้าสวนลุม ออกเดินทางตีห้า ถึง ประมาณ 8 โมงครึ่ง ในรถถามว่าจะเข้าบ่อนหรือจอดที่โรงเกลือ คำตอบของเราจะมีผลเกี่ยวเนื่องกับราคาค่ารถ ถ้าเข้าบ่อน ไปกลับ 100 ในวันเดียว ถ้าขาเดียวอย่างเรา ก็เที่ยวละ 200 ราคาต่อคน
เมื่อถึงเวลา และคนครบ รถก็จะออกเดินทางไปยังสระบุรี พวกเราลงที่ตลาดโรงเกลือ ออกไปรอเจ้าหน้าที่ของทาง กัมพูชามารับเพื่อเดินทางต่อ
บริเวณตลาดโรงเกลือ จะมีธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งใช้เป็นจุดนัดพบแรกในทริปนี้ของเรา
การไปกัมพูชาครั้งนี้ พวกเราไม่ค่อยมีเวลาเตรียมตัวกันมากนักเนื่องจากงานที่เข้ามาในช่วงนั้น น่าเสียดายที่ธนาคารเปิดทำการในเวลา 10.00 เป็นต้นไป ด้านหลังของธนาคารไทยพาณิชย์ จะมีห้องน้ำ และ ลานจอดรถ สามารถจอดรถทิ้งไว้ได้โดยมีค่าฝากรถวันละ 150 บาท ต่อคัน ต่อ วัน ซึ่งลานจอดรถนี่เอง เป็นที่ที่เราจะใช้ขึ้นรถบัสกลับ แลนด์ที่เราใช้บริการครั้งนี้คือ Season Holiday รอซักพักเจ้าหน้าที่จากทางกัมพูชาก็เข้ามาทักทาง ถามว่าเป็นคณะจาก ออลเวย์ เวเคชั่นหรือเปล่า ช่วยเราหิ้วของซักนิดหน่อย และเดินนำเราไปยังด่านตรวจคนเข้าเมือง
เจ้าหน้าที่ถามเราเรื่อง VIP ว่าจะเข้าทาง VIP หรือเปล่า เสียเงินคนละ 200 รวมทั้งขาออกและขาเข้า มีการเจรจากันนิดหน่อย เนื่องจากเราคิดว่ารวมทุกอย่างใน Package แล้ว
จากนั้นเมื่อผ่านจุดตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่จะพาเรามายังรถตู้ เพื่อพบกับไกด์ และคนขับรถ
รถที่พวกเราได้นั่งมาจะเป็นรถตู้ แถวหน้า 3 ที่นั่ง แถวกลาง 4 ที่นั่ง
และแถวหลัง 3 ที่นั่ง (ถึงแม้จริงๆ ที่นั่งจะเล็กพอประมาณ 2 ที่นั่ง ต่อ 1 คน)
การเดินทางจากด่านปอยเปตไปยังเสียมเรียมใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมง
การขับรถที่กัมพูชาในแต่ละเมือง
มีการจำกัดความเร็ว
ในเมืองปอยเปต 60 km/h
ในชนบท 90 km/hm
พนมเปญ 40 km/h
…………………………….
กัมพูชามีประชากร 14 ล้านคน
75% ทำการเกษตร
5% แม่ค้า
20% รับราชการ
…………………………….
เรื่องของศาสนา
พุทธ 95%
คริส+อิสลาม 5%
ช่วงที่เดินทางไป มีไว้ทุกข์สมเด็จพระนโรดมสีหนุ (อดีตกษัตริย์ของกัมพูชา) มีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ตลอดเวลา ไกด์ของเราบอกว่า ที่นี่จะลดธงลงครึ่งเสา เพื่อเป็นการไว้ทุกข์ สามารถสังเกตเห็นได้ตามสองข้างทาง
ระหว่างทางจากปอยเปตมาเสียมเรียบ จะมีจุดแวะพัก เช้าห้องน้ำ และหาอะไรกินเล่นๆ สามารถซื้อของติดไม้ติดมือไปด้วย เช่น เศียรพระ หินขัดตัว
หินขัดตัวชิ้นละ 20 บาท
มีร้านกาแฟเล็กๆชื่อร้านกาแฟรามา
กล้วยปิ้งรีดบาง แผ่นละ 10 บาท
ขนมปังสอดไส้ เหมือนลาว เวียดนาม (ใส่พริก หมูยอ แครอท ไชเท้าดอง ผักชี ต้นหอม แตงกวา) ชิ้นละ 30 บาท นอกจากนี้ยังมี มะพร้าว มะม่วง สับปะรด แต่ไม่ได้ซื้อกันมา
กาแฟร้อนแก้วละ 30 บาท กาแฟที่กัมพูชาจะมีกลิ่นหอมแปลกๆ *คหสต*
ออกจากจุดแวะพัก พวกเราก็มุ่งหน้าตรงไปยังเสียมเรียบ เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ระหว่างทางก็ขอให้ไกด์เปิดวิทยุ เพราะอยากฟังอะไรที่เป็นกัมพูชาแบบท้องถิ่น คลื่นวิทยุก็เปิดการถ่ายทอดพิธีสวรรคต ของพระเจ้าสีหนุ วิวทิวทัศน์สองข้างทาง จะเต็มไปด้วยทุ่งนาคล้ายๆ ภาคเหนือและภาคอีสานของประเทศไทย แต่จะมีต้นตาลโตนดขึ้นอยู่เรื่อยๆ หลังจากสอบถามไกด์ของเราแล้ว ทราบได้ว่า ต้นตาลโตนด เป็น ต้นไม้ประจาชาติของประเทศกัมพูชานั่นเอง
มีทั้งรถกระบะ รถตู้ รถ Camry นั่งเหมารวมกันมา
……………………………….
เจ้าของโรงแรมของคนไทยในเสียมเรียบ
Sofitel Sopitra – Tiffy
Le Meridian – คุณเจริญ เบียร์ช้าง
เมื่อเดินทางมาถึงเสียมเรียบ รถก็พาเรามารับประทานอาหารกลางวันกันที่ร้าน Phanom Bros มื้อแรกที่เรารับประทาน ประกอบด้วย
ต้มยำปลาทะเลสาบ ลาบหมู ไก่ผัดขิง ปลาทอด มีน้าปลาด้วย แต่รสชาติ แตกต่างจากประเทศไทย หลังจากที่รับประทานอาหารแล้ว พวกเราตัดสินใจเริ่มเที่ยวกันที่การสักการะศาลเจ้าเจก-เจ้าจอม ที่ตั้งอยู่ในเมืองเสียมเรียบ เมื่อไปถึงจะมีผู้คนต่างๆจากทั้งต่างชาติและเจ้าถิ่นมาสักการะบูชา และมีการตั้งพระฉายาลักษณ์ของพระเจ้าสีหนุ เพื่อเป็นการไว้อาลัยอีกด้วย เรื่องรองเท้า นักท่องเที่ยวต้องระวัง เพราะอาจมีการเรียกเก็บเป็นครั้งคราวจากคนเฝ้ารองเท้า
จุดหมายปลายทางของเรา สถานที่ต่อไปคือ โตนเลสาบ ทะเลสาบน้าจืดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย นั่งรถประมาณ 20 นาทีจากศาลเจ้าเจกเจ้าจอม เมื่อซื้อบัตรเข้า ก็ต่อต่อแถวและเดินลงตามคิวเพื่อขึ้นเรือ
การจัดการเรือจะแบ่งตามขนาดของแต่ละกลุ่ม กลุ่มของพวกรวมไกด์แล้วมี 4 คน ก็จะได้เรือไซส์เล็กสุด เรือจะแบ่งเป็นกลุ่มใครกลุ่มมันเลย กลุ่มใหญ่หน่อยก็เรือลำใหญ่ขึ้น เรือเริ่มออกจากท่าเรือ ล่องไปตามแม่น้ำสายเล็กๆ ฤดูที่เราไป น้ำยังแห้งอยู่ถ้าเป็นฤดูที่น้ำมา น้ำจะสูงขึ้นถึงประมาณ 3 เมตร ระยะเวลาที่ล่องไปยังตัวทะเลสาบประมาณ 15-20 นาที อาจมีอาการง่วงนอนเกิดขึ้นได้
แต่เมื่อถึงโตนเลสาบ ท่านจะมองเห็นแต่น้ำจนสุดสายตา รวมถึงหมู่บ้านบนน้ำ ที่จะมีชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่บนเรือ โบสถ์ หรือกระทั่งโรงเรียนบนน้ำ เรือพาพวกเรามาถึงจุดท่องเที่ยวที่เป็นจุดเลี้ยงจระเข้ขนาดเล็ก แต่ที่น่ากลัวกว่าจระเข้ ที่อยู่ในเขตของมันคือ …. งูเหลือม
เด็กน้อยอายุ 3 ขวบ แม่กับเด็กทารกกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับงูเหลือมโชว์นักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ ลอยอยู่บนกะละมังรอบๆจุดท่องเที่ยว สำหรับคนที่กลัวงูเช่นเราก็ได้แต่หนี หลับตาเดินไปยังจุดชมวิว
ถ่ายภาพด้านบนเรือ วิวสวยมากๆค่ะ หลังจากที่ถ่ายภาพจนพอใจแล้ว พวกเราก็เดินทางกลับหลับกันมาแป๊ปๆ ก็ถึงฝั่ง เดินทางกันต่อไปยังวัดทะไม แปลเป็นไทยว่าวัดใหม่ ใช้เป็นที่เก็บอัฐิชาวกัมพูชาที่เสียชีวิตจากการสังหารหมู่ในอดีต ในยุคที่เขมรแดง เรืองอานาจ ไกด์เล่าประวัติความเป็นมาว่าใครเป็นใคร มีการทรมารอย่างไรบ้าง ที่วัดจะมีบอร์ดรูปภาพประกอบ ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไรคร่าวๆ เพื่อให้เป็นความรู้แก่นักท่องเที่ยว
ประมาณ 4 โมงกว่าๆ คนขับรถก็พาเรามายังจุดทำบัตรเข้าชมโบราณสถานในเมืองเสียมเรียบ รอคิวนิดหน่อยก็ได้บัตรมา
ในบัตรจะมีรายละเอียดวันเข้าชม และจะมีรูปภาพของเราด้วย เย็นวันนั้นเอง พวกเราตัดสินใจไปขึ้นบอลลูนฮีเลียม จุดขึ้นอยู่ไม่ไกลจากนครวัดมากนัก บอลลูนมีรอบขึ้นลงทุก 15 นาที ราคา 15 USD ต่อคน บรรยากาศข้างบนดีมาก บอลลูนค่อยๆ ลอยตัวสูงขึ้นให้เห็นวิวโดยรอบไม่ว่าจะเป็น โตนเลสาบ นครวัด นครธม พนมบาแค็ง รวมถึงตัวเมืองเสียมเรียบ
เสร็จสิ้นภารกิจบนบอนลูน ก็ถืงเวลาอันสมควร เดินทางไปรับประทานอาหารเย็นที่ Sophea Angkor เป็นบุฟเฟ่ต์นานาชาติ มีข้าวผัด กับข้าว สุกี้ สลัด เป็นต้น โดยปกติจะมีโชว์ระบาอัปสรา แต่เนื่องจากอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ของพระยาศรีหนุ ทางรัฐบาลจึงไม่อนุญาตให้มีการแสดงใดๆ จัดขึ้น รวมทั้งผับเต้นๆ ก็ต้องปิดทำการชั่วคราว อาหารที่นี่ไม่ค่อยอร่อย มี wifi free แต่ช้า เพราะแชร์กันเยอะ
จากนั้นก็เดินทางกลับโรงแรม โรงแรมที่เราพักชื่อโรงแรม Smiling Hotel (อ่านว่า สมาย-ลิง) ระดับ 4 ดาว มี wifi free เช่นกัน โรงแรมจะมีตึกเก่า และตึกใหม่ เราได้พักที่ตึกใหม่ ห้องเลยใหม่และน่าอยู่สมคุณภาพ
พักผ่อนอยู่ซักพัก เก็บข้าวของ พวกเราก็ออกเดินทางไปยัง Night Market
การเดินทางไปยัง Night Market สามารถเรียก-ตุ๊ก-จากโรงแรมได้เลย โดยไปแจ้งกับทาง Receptionist ว่าต้องการเดินทางไปที่ไหน จากนั้นก็มีการเสนอราคากัน และสามารถนัดเวลากับตุ๊กว่าจะให้มารับที่เดิม กี่โมง ไปกลับเที่ยวละ 3 USD รวมทั้งหมด 6 เหรียญ Pub Street จะติดอยู่กับ Night Market พวกเราเริ่มต้นโดยการเดินดูของต่างๆที่ขายในตลาด และเดินดูร้านอาหาร บาร์ต่างๆ ในละแวกนั้น สินค้าในตลาดกลางคืนจะมีพวก เสื้อ ปลอกหมอน ภาพวาด เสื้อผ้า กระเป๋าเก๋ๆ จากถุงฟาง การ์ด ของที่ระลึกต่างๆ สลับกับร้านนวดและร้านอาหารตลอดทาง มีร้านรถเข็นขายแพนเค้ก ใกล้ๆ กันจะมีมินิมาร์ทที่รวบรวมสินค้าจากนานาปนระเทศ มาให้ซื้อขายได้ ราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกมาก ผ่านไปสามชั่วโมง กับการสารวจ
พวกเราก็เดินทางกลับที่พักสมายลิง พี่ตุ๊กมารอได้ตรงเวลาที่สุด ถึงที่พัก อาบน้ำ นอน เตรียมพร้อมสำหรับวันต่อไป
2 Febuary 2013
วันนี้ตื่นเช้าโดย Reception โทรมาปลุก รับประทานอาหารที่บุฟเฟ่ต์ ที่โรงแรม รีวิวเรื่องอาหารจะขอเล่าวันสุดท้าย รวมๆ กับโรงแรมต่างๆ นะคะ แปดโมงล้อหมุนจากโรงแรม วันนี้เราจะเยี่ยมชมเขตโบราณสถานในเมืองเสียมเรียบ แต่ก่อนที่จะไปเที่ยวกัน พวกเราก็แวะซื้อ Data Sim และแชร์ผ่านแอนดรอยด์ เพื่อการโทรและเล่นเน็ตระหว่างทริป ราคาซิม+เติมเงิน รวม 10 เหรียญ มุ่งหน้าไปยังปราสาทบันทายสรี
เป็นปราสาทหินสีชมพู ที่ถึงแม้เวลาจะผ่านมาเป็นพันกว่าปี ภาพสลักก็ยังคงประณีตละเอียด และงดงามมาก ถือว่าเป็นปราสาทที่งานสลักประณีตที่สุดเลยก็ว่าได้ ตัวปราสาทไม่ใหญ่มากนัก ประตู เสาต่างๆ จะมีเรื่องราวในตำนานเรื่องๆ ต่างๆ สลักไว้ พอออกมาจะวีวงดนตรีคนพิการบรรเลงให้ความสุทรีย์ (มีอยู่ทุกประตูปราสาท) หลังจากนั้นก็มาต่อกันที่ปราสาทตาพรหม ที่ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทาหนังฮอลลีวูด เรือง Tomb raider นั่นเอง เป็นวัดที่สร้างขึ้นเป็นปูชนียสถานสาหรับชาวพุทธในสมัยนั้น ปราสาทนี้จะมีต้นสะปง ยักษ์ใหญ่เลื้อยอยู่ทั่วปราสาท กลายเป็นจุดเด่นอีกจุดนึงของปราสาทนี้ และยังมีรูปสลักไดโนเสาร์อีกด้วย
ในขณะนี้มีการบูรณะซ่อมแซมปราสาทอยู่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้นักท่องเที่ยวลดลงไป ระหว่างทางเข้าออกปราสาทนี้ จะมีเด็กน้อยชาวกัมพูชาพยายามขายของที่ระลึกต่างๆให้เรา ไม่ว่าจะเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ หรือแม่เหล็กติดตู้เย็นลายปราสาทต่างๆ
แนะนำว่าอย่าพึ่งซื้อตอนขาเข้า แม้ว่าจะถูกเสนอราคาที่ยั่วยวนใจขนาดไหน หนูน้อยจะเริ่มราคาจาก 3 อันร้อยบาทพี่ พอเราเดินหนี ก็จะเพิ่มเป็น 4 อันร้อยพี่ ซื้อนะพี่ แต่ราคาที่ถูกที่สุดที่เราเจอคือ ทางออกประตูด้านทิศตะวันตก 10 อันร้อยพี่! บอกเป็นข้อมูลสำหรับท่านจะเดินทางไปในอนาคต หนังสือประวัติศาสตร์ก็เช่นกัน จะเดินขายกัน เยอะแยะ ราคาที่เราได้มาเล่มละ 10 เหรียญ (ถ้าจำไม่ผิด) พยายามต่อเข้าไว้จ้า
เที่ยงถึงเวลารับประทานอาหาร พวกเรามารับประทานอาหารกันที่ร้าน Tonle Chaktumuk เป็นบุฟเฟ่นานาชาติเหมือนกันมี wifi เหมือนกัน แต่อาหารรสชาติดีกว่าร้านแรก
หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน เติมพลังงานกันแล้ว โบราณสถานต่อไปไปคือ Angkor Wat World Herritage หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ประวัติและรายละเอียดสามารถหาดูได้ง่ายๆในอินเตอร์เน็ต แต่ยืนยันว่ายิ่งใหญ่จริงๆ รายละเอียดต่างๆที่ถูกสลักบอกเรื่องราวต่างๆ นางอัปสราที่ไม่มีรูปซ้ำกันเลย และการก่อสร้างที่อลังการณ์ ทำให้ประทับใจมาก การชมยอดของปราสาท จะมีข้อห้าม ไม่อนุญาติให้นุ่งกางเกงหรือกระโปรงสั้นกว่าเข่า เสื้อกล้าม เนื่องจาก เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
หลังจากสารวจโดยรอบนครวัดเสร็จแล้ว ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ก็เดินทางต่อไปยังปราสาทบายน ปราสาทที่ว่ากันว่ายอดปราสาทเป็นรอยยิ้มของพระชัยวรมันที่ 7 (ไกด์บอก) โดยส่วนตัวชอบปราสาทนี้ เพราะเป็นปราสาทที่มีความสมมารตมาก มีมุมถ่ายรูปที่ไกด์จะเป็นผู้แนะนาเรา เช่นจมูกชนกัน ถ่ายตรงนี้จะเห็นหน้าเยอะที่สุด ยิ้มนี้สวยที่สุด เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
พวกเราเดินเล่นในปราสาทแอบดูฝูงลิงน้อยเสร็จ เวลาก็เลยไปเกือบห้าโมงเย็น ทำให้ไปดูปราสาทพนมบาแค็ง ไม่ทัน ปราสาทกำหนดเวลาขึ้นลงเขา ต้องขึ้นให้ถึงก่อน 5 โมงเย็น เลยเปลี่ยนจุดหมายไปวนรอบๆนครธม กลับออกจากนครธม ผ่านนครวัด จะเห็นชาวกัมพูชา ซื้อข้าวมาปูเสื่อกินกัน นอนพักผ่อนกันริมน้า ผ่านไปจากนั้นก็ไปรับประทานอาหารเย็นกันที่ร้าน ChiangMai Thai Food
เป็นร้านอาหารที่มีคนไทยเป็นเจ้าของ อาหารอร่อย และเป็นร้านที่คนดังจากไทยมารับประทาน สามารถดูได้จากรูปถ่ายที่ติดอยู่ข้างผนังที่เจ้าของร้านนามาโชว์ มื้อนี้กินลาบหมู ยำมะม่วงปลากรอบ ไข่เจียว ต้มยำปลากรอบ ปลากรอบทอดกระเทียม
รับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินทางกลับโรงแรม แอบเห็นร้านอาหารไทยอีกร้านชื่อ SAWASDEE FOOD GARDEN เปิด 10 โมงเช้า – สี่ทุ่ม มาถึงโรงแรมพัดผ่อนซักพัก ก็เตรียมตัวออกไปเก็บตกที่ Pub Street
การเดินทางไปผับสตรีทเราก็ใช้วิธีเดิม คือเรียกพี่ตุ๊กของโรงแรมและนัดหมายเวลาไปกลับกัน พอไปถึง หลังจากการเดินมาราธอนในวันนี้ ก็เลยไปนวดกัน เย้เฮ นวดเท้าอย่างเดียว 15 นาที 1USD พวกเรานวด 30 นาที 2USD แต่นวดจริงๆ ประมาณ 20 นาที จะนวดจากเท้าไปจบที่หัวเราะ ให้ความผ่อนคลายได้ดี
จากนั้นก็เดินเล่นซักพัก และกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม เตรียมตัวเก็บข้าวเก็บของ เตรียมเช็คเอาท์ในวันรุ่งขึ้น
3 Febuary 2013
ตื่นเช้าโดย Reception โทรมาปลุก ล้างหน้าแต่งตัวเก็บของ รับประทานอาหารเช้า อาหารเช้าที่ Smiling ประกอบด้วย ข้าวเปล่า ข้าวผัด ข้าวต้ม+เต้าหู้ยี้+ขิงดิง+ไชเท้า เป็นเครื่องข้าวต้ม ไส้กรอก ผัดผัก แพนเค้ก ผัดหมี่ ไข่ดาว สุกี้ สลัดบาร์ ขนมปังบาแก็ต ครัวซอง ขนมปังกลม ขนมปังปิ้ง ซีเรียล เนยจืด แยม โดนัท ผลไม้เช่น แก้วมังกร แตงโม สับปะรด ถั่วเขียว เครื่องดื่มจะมี น้ำเปล่า กาแฟ น้ำส้ม น้ำสับประรด นมสด จบท้ายด้วยภาพด้านนอกของสมายลิง
วันนี้พวกเราไปเที่ยวโรงแรมต่างๆที่อยู่ในเมืองเสียมเรียบ ให้แลนด์พาไป โรงแรมเรกที่เราไปแวะที่แรกคือโรงแรม New Siemriep Town Hotel 3ดาว คนที่นี่เรียกแค่ เสียมเรียบทาวน์ เปิดมา 10 ปี ห้องนอนใช้ได้ แต่พรมเก่า ห้องขนาด 25*28 อาหารเช้ามีไม่กี่อย่าง – ข้าว ผัดเปรี่ยวหวาน ข้าวผัด ผัดซีอิ้ว ข้าวต้ม ขนมปังปอน สุกี้ กาแฟ
………………………………..
ต่อมา โรงแรม Starry Hote Angkor 4 ดาว โรงแรมสวย ห้องใหญ่กว่าสมายลิง แต่ต้องเข้าซอย ที่ตั้งจะไม่สะดวกเท่ากับสมายลิง อาหารเช้าคล้ายๆกัน สระว่ายน้าบรรยากาศดี มีห้องจัดงานเลี้ยง จุแขกได้ 30 – 50 คน และมี Fitness รูปที่โชว์เป็นรูปห้องสารองจะมีขนาดเล็กกว่าห้องจริงนิดหน่อย ห้อง Suite ที่ Starry กว้างมากและมีระเบียงสองด้าน
………………………………..
เพิ่มเติม ระหว่างที่คุยกันบนรถ ทำให้ทราบว่า ถ้าลูกค้า 3 – 9 คน จะใช้ Benz Van อย่างที่เรานั่ง
2 คน นั่ง Camry หากเป็นลูกค้า VIP บางครั้ง 8-9 คน จะนั่งรถบัส 25 ที่นั่ง
ร้านอาหารที่มีโชว์ระบาอัปสรา
-Tonlesap
-Tonle Maekhong
-Sophea Angkor (ที่เราไปกินกันมาวันแรก)
………………………………..
จากนั้นโรมต่อไปที่ไปดูต่อคือ Angkor Holiday 4ดาว อยู่กลางเมือง ทำเลดี อยู่ใกล้ Lucky Mall ส่วนมากลูกค้าที่มาพักจะเป็นชาวยุโรป อาหารเช้าเหมือนที่อื่นๆ แต่มี Yogurt มาเพิ่มด้วย แลนด์ของเราได้ alotment มาได้น้อย แต่ถ้าอยากพักก็ขอได้ ลูกค้าของเราไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเป็นลูกค้า FIT ห้อง Suit จะกว้าง และแบ่งเป็นสองผั่ง ห้องน้าจะเป็นตู้ตามรูปท้ายสุด
………………………………..
โรงแรมต่อไปที่ไปดูเป็นโรงแรม 5 ดาว SOKHA HOTEL เนื่องจากเจ้าของโรงแรมนี้เป็นนักการเมือง แขกที่มาพักส่วนมากก็เป็นนักการเมืองและคนดังจากประเทศต่างๆ เช่น นายกหญิงคนปัจจุบันของไทย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แองเจลลิน่า โจลี่ก็เคยค้างที่นี่ 2 คืน สำหรับผู้ที่ต้องการรับประทานอาหารเย็นในโรงแรมหรูแห่งนี้ มีบริการบุฟเฟ่ต์ ท่านละ 20 เหรียญ ที่นี่ยังมีสปา เตียงเดี่ยว เตียวทวิน ให้เราได้นวดผ่อนคลาย อบสตรีม ซาวน่า จากกุสซี่ Free for all guest ! มี Irish Pub ที่โรงแรม เปิดบริการทุกวัน บุคคลภายนอกสามารถเขาไปสนุกสนานได้เช่นกัน อาหารเช้าเยอะมาก เยอะกว่า 4 ดาว มีผลไม้มากกว่า และมีเบค่อน ห้องก็แบ่งเป็น หลายประเภท ห้อง Deluxe จะเป็นระเบียงไม้ ห้อง Suite จะใหญ่กว่า และเป็นระเบียงหิน เราเคยได้เอกสารมา หรือสามารถดูที่เว็บไซต์ได้เลย แต่สิ่งทีน่าสนใจที่สุดในโรงแรมนี้คือ รถยาวสุดหรู ที่มีคันเดียวในเมืองเสียมเรียบ สามารถเช่าได้ เพื่อทัวร์รอบเมือง 70$ นั่งได้สูงสุด 8 ท่าน ครึ่งวัน ตั้งแต่ 7.00 – 12.00 น.
………………………………..
โรงแรม 5 ดาวต่อไปที่ไปดูกันคือ Sofitel Angkor Phokeethra Golf & Spa Resort เป็นโรงแรมที่มีพื้นที่กว้างขวาง ถือว่ามีขนาดโดยรวมใหญ่ที่สุดในเสียมเรียบ และยังมี สระว่ายน้าเค็มที่ใหญ่ที่สุดในเสียมเรียบ Wifi free ขนาดห้องจริงๆไม่ค่อยใหญ่ แต่ชุดอาบน้าเป็นของแบรนด์ L’occitane คุณภาพล้น เรื่องอาหารเช้า 5 ดาวเราไม่พูดถึงแล้ว เพราะคงเหมือนกันหมดกับ SOKHA แต่ว่าที่นี่มีร้านอาหารฝรั่งเศสที่มีชาวฝรั่งเศสมาเอง สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างของที่นี่คือ โชว์ระบาอัปสรา ถ้าหากเราไม่ต้องการไปดูพร้อมร้านอาหารทัวร์ลงที่ต่างๆ สามารถมาทานอาหารพร้อมดูโชว์ที่นี่ได้ ตั้งแต่เวลา 7 – 8.30 pm การรับประทานอาหารจะเป็น BBQ ราคา 35USD ต่อคน ยังไม่รวม VAT 10% Service Charge 5%
………………………………..
ต่อไปออกไปนอกตัวเมืองหน่อย โรงแรม Angkor Miracle เป็นโรงแรม 5 ดาวเช่นกัน แต่เรทที่แลนด์เราได้ค่อนข้างดี เพราะขอกันบ่อย
ที่นี่มีสปาและ ฟิตเนส เหมือนกันแต่ไม่ฟรี Wifi Free โรงแรมใหม่มาก สร้างมา 3 ปีเท่านั้น ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย โรงแรมนี้ก็เช่นกัน เราสามารถจ้างคนมาแสดงโชว์นางอัปสรา และทางอาหาร ราคาจะถูกกว่าที่ Sofitel ประมาณครึ่งนึง
………………………………..
โรงแรมสุดท้ายก่อนกลับ ที่นี่ชอบน้อยที่สุด เป็นโรงแรม 4 ดาว ชื่อ Princess เพราะธรรมดา และอยู่ไกล
………………………………..
การตระเวณดูที่พักของเราก็เสร็จสิ้น สถานที่สุดท้ายก่อนกลับสาหรับทริปนี้ของเรา คือร้านอาหารสุดท้าย Heng by Jok Restaurant อาหารรสชาติดี เนื่องจากพวกเรามาเร็ว เลยเหมาร้านอาหารกันไปประมาณครึ่งชั่วโมง เป็นบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติเช่นกัน ห้องน้าที่นี่สะอาด แต่มีแค่สามห้อง และไม่มีที่ฉีดก้น 55
อิ่มอร่อย เข้าห้องน้ากันเสร็จเรียบร้อยก็เดินทางกลับสู่ประเทศไทย นั่งรถไปหลับไป คุยกับคนขับรถ คนดูแลแทน เขาบอกว่า ชาวกัมพูชาชอบมาทางานที่ประเทศไทย เพราะเงินดีกว่า เมื่อถืงด่าน เราก็ผ่านด่าน VIP ตม. มา รับพาสปอร์ตคืน และเตินต่อแถว ตม.ไทยเข้าประเทศไทยมา รถบ่อนจะจอดอยู่ที่จุดจอดรถ โชคดีที่จองคิวไว้ เพราะที่นั่งเต็มมากๆ รถบริเวณนั้นมีหลายบริษัท เช่น
เกษม พ่วงลา 081-807-1103
นพเก้าทัวร์ 089-816-6640
รัตนาทัวร์ 02-863-0765 และ 081-480-6485
ระหว่างทางจะมีการแวะปั้ม 1 ครั้ง เพื่อทาธุระส่วนตัวและหาอาหารมารับประทานภายใน 15 นาที เดินทางมาถึงกทม. ดึกพอสมควร เพราะว่ารถติดนั่งเอง รถจอดที่สวนลุมที่เดิม แยกย้านกันกลับสู่ที่พัก พักผ่อน และ เตรียมตัวทางานในวันจันทร์
สิ่งที่ได้รับจากทริปนี้
1. ข้อคิดเล็กอย่าลืมแลกเงินไปก่อนเที่ยว
2. ได้รู้ว่า ชาวเสียมเรียบกินปลาเยอะ
3. เมืองเสียบเรียบเป็นเมืองท่องเที่ยว ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
4. เวลาในการเที่ยวแต่และที่ 1 ชั่วโมงขึ้นทั้งนั้น
5. ชาวกัมพูชาจัดงานแต่งงานกันนาน 3 วัน 2 คืน
………………………. จบแล้วค่ะ (แบบงงๆ) ……………………….
ขอบคุณค่ะ