นิวซีแลนด์…ดินแดนแห่งเมฆสีขาวกับพื้นที่อันเขียวชอุ่ม กับ Famil Trip 2016
ตอนที่1
24 มี.ค. 59 เดินทางออกจากประเทศไทย เวลา 18.45 น.โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 491 บินตรงสู่ Auckland ประเทศนิวซีแลนด์ ใช้เวลาในการบินประมาณ 11 ชม. 50 น. เป็นครั้งแรกที่เราเดินทางไปต่างประเทศไกล และนานขนาดนี้ อยู่บนเครื่องเราได้นั่ง 35C ริมทางเดิน สบายหน่อยจะเข้าห้องน้ำห้องท่าสะดวกดี
***************************************************************************
25 มี.ค. 59
11.40 ถึงแล้วจ้า Auckland ประเทศนิวซีแลนด์ Auckland เป็นเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของนิวซีแลนด์ แต่ไม่ใช่เมืองหลวงนะ หลายๆคนชอบเค้าใจผิดว่า Auckland เป็นเมืองหลวง ความจริงแล้วเมืองหลวงของประเทศนิวซีแลนด์ก็คือ Willington นะจ๊ะ นิวซีแลนด์ ดินแดนสีเขียวชอุ่ม อากาศบริสุทธิ์ สูดอากาศได้อย่างเต็มปอด…
มาถึง แล้วเราก็ต้องผ่าน ตม. การตรวจว่ามีอะไรจะ declare มั้ย สิ่งที่ต้อง declare ก็นี่เลยค่ะ
ต่อจากนี้เราจะเข้าไปใน ต ม กันค่ะ เค้าก็จะตรวจว่าเรามี Visa รึป่าว .. มีอะไรจะ declare มั้ย ที่ ตม.ก็ถามเรามาเลยว่า ยาที่จะ declare เนี่ยคือยาอะไร !! เราก็คิดคำว่ายาโรคประจำตัวไม่ถูกเหมือนกันแหะ ^^ ด้วยความที่ว่าเราไม่ค่อยเก่งอังกฤษซักเท่าไหร่ เลยตอบไปว่า อ่อ ไทรอยด์ริสซึม ยาแก้ปวดหัว เค้าก็โอเค ให้ผ่านมา (อย่างที่เรารู้กันค่ะ ตม.ทุกที่ เราไม่สามารถถ่ายรูปได้ค่ะ)
เสร็จก็มารับกระเป๋า .. ก็จะมีน้องหมา มาดมๆกระเป๋าทุกใบ ไม่ต้องตกใจไปนะคะ น้องหมาเค้ามาดมว่าเราเอาอาหารอะไรมารึป่าว เช่น ผัก ผลไม้ อาหารสดอะไรต่างๆ นาๆ
เค้ามีการทดสอบน้องหมาด้วยนะว่าดมกลิ่นได้ดีจิงๆ เค้าเอากระเป๋า มาว่าไว้ข้างๆ คนในทริปที่เราไปด้วย แต่เค้ามาขออนุญาติก่อนนะ ว่าจะมีการทดสอบน้องหมาน่ะ น้องหมาก็มาดมๆ แล้วก็นั่งลง และหันไปบอกคนที่จูง เป็นตำรวจที่คอยตรวจกระเป๋านั้นแหละ แล้วเค้าก็ให้ขนมมันกิน ฮิฮิ น่ารักดีแหะ และแล้วก็มีน้องหมาตัวนึงดมกระเป๋าผู้ร่วมไฟท์ แล้วก็ฟ้อง บอก เรียก ตำรวจที่จอง และเค้าก็เรียกหัวหน้ามาเพื่อขอตรวจกระเป๋าตรงนั้นเลย พอเปิดแล้วน้องหมาก็เอาหน้าไปซุกในกระเป๋า ดม ดม แล้วก็ดม
พอออกเราก็ต้องเดินไปทาง Domestic เพื่อที่เราจะไปเช็คอิน ที่ Air New Zealand เพื่อเดินทางต่อไปยัง Christchurch เกาะใต้
พอออกมาจากประตูเราก็เจอเคาเตอร์รับรถเลยมีหลากหลายยี่ห้อเลยแหละ ทั้ง Hertz Europcar Avis ก็แล้วแต่ว่าลูกค้าจองกับที่ไหนมา ก็ไปรับรถเคาเตอร์นั้นแหละ ออกมาจะอยู่ข้างขวามือ เลย
ด้านหน้าก็จะมี I SITE I SITE ก็คือศูนย์ให้ข้อมูลต่างๆเหมือนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยบ้านเรานั้นเอง
ด้านซ้ายจะมีร้านขาย ซิม local ชื่อ Vodafone ก็จะมีแพคเกจสำหรับนักท่องเที่ยวอยู่ค่ะ คือ โปรฯ NZD39 (จากปกติ NZD49) เล่นเน็ตได้ 3GM 4G data โทรได้ 200 นาที ส่ง ข้อความได้ 200 ข้อความ ทั้งในนิวซีแลนด์และโทรกลับประเทศ เราว่าคุ้มกว่าที่เราจะเปิด Rooming มานะ เราก็ซื้อซิมใส่เรียบร้อย มาเช็คอินที่เครื่องเช็คอิน
จากนั้นโหลดกระเป๋า (Air New Zealand เค้าให้น้ำหนักกระเป๋า 23 กิโล) เรานี่แค่ขาไปก็ปาเข้าไป 20 โลซะละ พอเอากระเป๋าโหลดเสร็จ เค้าก็มีทางเลือกให้ 2 ทางคือ เดินไปตึก Domestic หรือนั่งรถบัส ถ้าเดิน 10 นาที นั่งรถ 15 นาที เราก็เลือกเดินกัน เพราะความเมื่อยจากการนั่งเครื่อง ออกไปจากตึก Inter เพื่อเดินไปยังตึก Domestic ตามเส้นสีเขียวที่มีอยู่ เดิน เดิน เดิน แล้วก็เดิน จับเวลาแล้วก็ประมาณ 10 นาทีจริงๆตามที่เค้าบอก
พอเค้ามาถึงก็จะมีทางแยก GATE เราได้ GATE ที่ 30 ก็เดินไปเลี้ยวปุ๊บเจอปั๊บเลย
ในตึกนี่ก็จะมีร้านขายขนมปัง ไอศกรีม ให้เราได้เลือกสรร ก็นั่งรอจนขึ้นเครื่อง
บนเครื่องเป็นที่นั่งแบบ 3 3 เราได้นั่งแถวที่ 16E นั่งตรงกลาง ใช้เวลาในการบินประมาณ 30 นาที Air New Zealand เค้าก็มีเสริฟขนม น้ำ และลูกอม แล้ววิวที่มองลงมาจากเครื่องบินเป็นอะไรที่สวยมากกกก เมฆสีขาว กับพื้นดินสีเขียวชอุ่ม สวยจริง ผิดจากบ้านเราเลยบ้านเรามีแต่ ถนน รถ เต็มไปหมด
ถึงแล้ว Christchurch พอลงเครื่องแล้วเราก็เดินไปรอกระเป๋า ก็จะมีผู้ที่มารับเราเพื่อเข้าโรงแรมมายืนถือป้ายรออยู่ อ้อๆที่นี้ก็มีเคาเตอร์รับรถและเคาเตอร์ขาย ซิม Vodafone เหมือนกัน สำหรับผู้ที่มารับรถที่นี่ก็ง่ายมากเลย พอลงบันไดเลื่อนมาก็เจอเค้าเตอร์รับรถเลย อยู่ตรงข้ามที่รับกระเป๋าเลย ส่วนร้าน Vodafone ก็เดินเลยมาหน่อยก็เจอเลย ง่ายแสนง่ายเลยจริงค่ะ เรารับกระเป๋าเสร็จแล้วเราก็ออกมาเพื่อขึ้นรถไปยังโรงแรม Rendezvous รถที่เราได้นั่งเป็นรถตู้ และมีที่พ่วงท้ายเพื่อใส่กระเป๋าพวกเราค่ะ
ถึงโรงแรมเวลา 17.50 น. ก็เข้าห้องพัก เพื่อไปเก็บกระเป๋า
แท๊นแทนนนน ภายในห้องพักค่ะ
18.40 น.เราได้ไปกินข้าวกันที่ ร้าน King of Snake อาหารที่นี่อร่อยถูกปากคนไทยคะ
อาหารที่ได้มาก็มี เป็น เมนูรองท้อง ก็จะมี ปลาหมึกทอดกรอบกินคู่กับซอสพริกบีบเลม่อนเค้าไปหน่อยนึง อร่อย ถึงใจจริงๆ เนื้อปลาปลึกนุ่มละมุนลิ้นซะจริง
เมนูที่แนะนำเมนูนี้เหมือนเมี้ยงคำบ้านเราเลยค่ะ รสชาติแซบอร่อยถึงใจ สั่งมาหลากหลายมากเพื่อมาทานด้วยกัน
มีเหมือนขาหมูเยอรมันบ้านเราด้วยนะ เสริฟคู่กับน้ำจิ้มเผ็ด (เผ็ดในที่นี้ไม่เหมือนเผ็ดแบบน้ำจิ้มซีฟู๊ดบ้านเรานะ จะเผ็ดออกแนว กิมจิ อะไรประมาณนั้นอะคะ) ซอสเค็ม (เหมือนซีอิ๊วบ้านเรา) และซอสมายองเนส เป็นมายองเนสผสมกับข้าว รสชาติดีเหมาะกับคนที่ชอบอาหารสไตล์ฝรั่งค่ะ
เมื่อมาเยื่อนนิวซีแลนด์ก็คงไปพลาด ไวน์ ใช่มั้ยละคะ มื้อนี้เราก็ได้สั่งไวน์ขาว สำหรับเราก็รสชาตินุ่ม แต่ก็แอบแรงนิดนึงค่ะ
บอกได้คำเดียวเลยมื้อนี้กินอิ่มท้องจะแตกละคะ และอาหารที่สั่งมาอร่อยทุกเมนูจริงๆค่ะ Confirm!! จากนั้นก็กลับเข้าที่พักค่ะ เพื่อพักผ่อนเอาแรงเดินทางต่อไปค่ะ บ๊ายบ่ายยย
***************************************************************************
วันที่ 26 มี.ค. 59
วันนี้เป็นอีก 1 วันที่เราอยู่ Christchurch วันนี้ 9.15 โดยประมาณเราได้เดินไปขึ้นรถ Tram รถรางประจำเมือง Christchurch เป็นรถสี แดง ครีม (บางคนอาจจะมองว่าเป็นเหลืองอ่อนก็ได้นะ) เรานั่งรถ Tram ไปลงตรง Alternative Rasdio
จากนั้นเราก็รอรถ City Sightseeing เป็นรถ 2 ชั้น เหมือนพวกรถ Hop on Hop off อารมณ์ประมาณนั้น ขึ้นไปนั่งชั่น 2 ด้านบน โอ๊โห ตอนแรกก็ว่าหนาวอยู่แล้วนะ พอรถออกเท่านั้นแหละ มือไม้เย็น จมูกเย็นเจี๊ยบ ลมตีหน้าสุด
เค้าก็พาวนรอบๆเมือง ก็ผ่านสถานที่ที่เกิด Earthquake ตึกที่โดนก็เห็นแล้วก็รู้สึกว่า ในอดีตตึกพวกนี้น่าจะสวยน่าดูเลย
ผ่านแม่น้ำ Avon ดูแล้วก็เหมือนคลองบ้านเราค่ะ เพราะเป็นแม่น้ำลำธารเล็กๆไม่ได้ใหญ่โตเหมือนแม่น้ำเจ้าพระยา บ้านเรานะ แต่!! แม่น้ำที่นี้ ขอบอกเลยว่า ใส่สะอาด เป็นแม่น้ำตื่นๆ ถ้ายื่นก็ประมาณหัวเขาเราเอง แม่น้ำนี้เป็นแม่น้ำที่ผุดขึ้นเองตามธรรมชาติจากใต้ดินอีกด้วยนะ
บนรถเค้าก็มีคนบรรยายเกี่ยวกับเมืองประมาณว่าสถานที่ตรงนี้ความสำคัญยังไง เมืองนี้ เหลือตึงสูงอยู่แค่ 5 ตึกเท่านั้นเองที่รอดพ้นจากแผ่นดินไหว เมื่อเดือน กุมภา 2011 นอกนั้นพังหมด
และจะมีสถานที่ สถานที่นึง ที่ เป็นการเอาเก้าอี้ที่ไม่ซ้ำกันเลย 185 ตัวมาตั้งเรียงกันเพื่อไว้อาลัย ให้กับผู้เสียชีวิต 185 ซึ่ง เกินครึ่งที่เป็นผู้เสียชีวิตจากอาคารโทรทัศน์ Canterbury ตึกมี 6 ชั้น อาคารโทรทัศน์แห่งนี้ไม่ไดผ่านมาตรฐานทางด้านวิศวกร และเป็นตึกที่ ลอกเลียนแบบเค้ามาอีกทีนึกอีกต่างหาก และผู้สร้างได้มีการเสียค่าเสียหาย แค่ 500 NZD เท่านั้น จากนั้นก็หนีไปอยู่ที่ ออสเตรเลีย พร้อมกับการเปลี่ยนชื่อถึง 2 ครั้ง ตอนตึกนี้ถล่ม คือ พอเกิดแผ่นดินไหวแล้วตึกนี้ก็พังลงมาทันที่โดยคนที่อยู่ชั้น 6 รอดปาฏิหาริย์ เพราะพอตึกถล่มลงมา ชั้น 6 ลงสู่พื้นดินคนเดินออกมาได้อย่างง่ายดาย ส่วนชั้นอื่นๆ โดนทับและมีคนที่ยังมีลมหายใจ พยายามโทรหาญาติเพื่อขอความช่วยเหลือ และผู้ที่ช่วยเหลือก็พยายามช่วยเหลืออยู่แต่เพราะตึกโดนทับถมและมีผู้รอดชีวิต เลยต้องค่อยๆค้นหาไปเรื่อย แต่ก็เกิดเหตุหน้าเศร้าขึ้น ตึกนั้นกลับโดนไฟไหม้ จนหมด ฟังแล้วเศร้าจริงๆ
เสร็จจาก City Sightseeing ก็เดินไปที่ Punting หรือการถ่อเรือนั้นเอง วันนี้เราไปถึงก่อนเวลาทางทีมก็เลยพากันไปนั่งกิน กาแฟ ช็อคโกแลตร้อนกันร้านก็จะอยู่ข้างๆกันเลนค่ะเป็นร้านกาแฟ ขายพวกขนมปังอะไรต่างๆ
พอถึงเวลาเราก็ไป Punting กันที่แม่น้ำ Avon ค่ะ อย่างที่บอกเป็นแม่น้ำตื่นๆ ใช้เวลาในการล่องเรือประมาณ 30 นาที เหมาะกับผู้ที่ต้องการมาพักผ่อน ดูวิวสองข้างทาง ระหว่างล่องเรือ ก็จะมีเป็ดน้อยว่ายน้ำเล่นกันอยู่ด้วยค่ะ ที่นี่ไม่ใช่มีเพียงแต่ Punting อย่างเดียวมี คายักษ์อีกด้วย หรือถ้าใครอยากที่จะพายเองก็สามารถเหมือนกันค่ะ
เสร็จจาก Punting ก็ไปกินข้าวกันที่ร้าน Curator’s House Restaurant บ้านกึ่งร้านอาหารค่ะ สามารถนั่งได้ทั้งด้านในและด้านนอกค่ะ มีห้องส่วนตัวสำหรับผู้ที่มาเป็นคณะด้วยนะคะ อาหารที่นี้จะเป็นอาหารสไตล์ Spanish ค่ะ เสริฟใหญ่มาก ด้วยความที่เรากิน Hot Chocolate แล้วเมื่อ 30 นาทีที่แล้ว เราก็เลยยังรู้สึกว่ามันแน่ๆ จานแรกก็มาเป็นซุปครีมผักกันเลยที่เดียว รถชาติอร่อยค่ะ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบอาหารสไตล์นี้ค่ะ
จานที่สองเราสั่งเมนูปลาไปคะเพราะว่าจากที่ดูในเมนู เมนูนี่เบาที่สุดแล้วเราก็เลยสั่ง แต่ปรากฏ ว่าไม่ได้มีมาแค่ปลาแต่มี หอยแมลงภู่ มาพร้อมกับมันฝรั่งอบ แม่เจ้า ตอนนั้นรู้สึกแน่นมากทุกคนนั้นทริปแบบว่าโอ๊โห แน่สุดๆอะ ยัดอะไรไปแทบจะไม่ลงอยู่แล้ว อิ่มหนักมาก
แต่ด้วยความที่สั่งของหวานไปแล้วเราเลยต้องกินของหวานกันต่อค่ะ เราสั่งเป็น ไอศกรีมช็อคโกแล็ต อร่อยมากกกก แต่ก็อิ่มมากเช่นกัน
พอกินเสร็จเราก็เดินไปยัง Quake City เข้าไปดูความเป็นมาเป็นไปของเมือง CHC (เราขอย่อเป็น CHC ละกันนะคะ CHC ย่อมาจาก Christchurch ค่ะ) การเกิดแผ่นดินไหว วิธีการป้องกัน วิธีการช่วยเหลือ การช่วยเหลือของผู้คน มีเกมให้เราเล่นด้วยนะเพื่อที่จะให้เราไม่เบื่อ
ตัวอย่างเกมที่เราไปเล่นคือเค้าให้เรากระโดดเพื่อวัดแรงสั่นสะเทือนนั้นเองง=
ตรงข้ามกันจะเป็น Re Start แหล่งช้อปปิ้ง ที่เอาตู้คอนเทรนเนอร์มาใช้ ตู้คอนเทรนเนอร์พวกนี้ แต่เดิมที่เกิดแผ่นดินไหว เค้าใช้ไว้สำหรับผู้ที่ประสบภัย แต่สุดท้ายก็กลายเป็นที่ที่ตั้งอยู่ถาวร และใช้เป็นแหล่งช้อปปิ้ง มาจนถึงปัจจุบัน ที่นี้ก็มีขายของฝาก เสื้อผ้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ เป็นต้น
จากนั้นก็นั่งรถไป The Tannery เป็นแหล่งช้อปปิ้งย่อมๆไม่ได้ใหญ่โตอะไรค่ะ ภายในมีร้านขนมปัง กาแฟ ร้านเสื้อผ้าที่ทำจากหนังสัตว์ต่างๆ ร้านไวน์ เป็นต้น ที่แห่งนี้แต่เดิมเคยเป็นโรงงานผลิตหนังมาก่อน และปัจจุบันได้มีการปรับเปลี่ยนมาเป็นแหล่งช้อปปิ้งนั้นเอง แหล่งช้อปปิ้งที่นี่อยู่ใกล้ทางขึ้นกระเช้ากอนโดล่าเลยค่ะ หาง่าย
จากนั้นเราได้มุ่งหน้าไปขึ้นกระเช้า Gondola กันค่ะ ขึ้นไปสัมผัสกับความสวยงาม พร้อมบรรยากาศสุดแสนจะบริสุทธิ์ ประทับใจสุดๆค่ะ ด้วยความที่ว่าเราเป็นคนชอบวิว แบบนี้อยู่แล้วด้วย ภายในมีขายของที่ละลึก และมีให้ยอดเหรียญที่ปั๊มเป็นรูปกระเช้า Gondola ด้วยนะ คิดว่าเราจะพลาดมั้ย 55555 ไม่รอดจ้า ยอดไป 2NZD ได้มา 1 เหรียญ พอใจละ 5555
จากนั้นเข้าสู่ที่พัก ค่ะ รอเวลา 18.45 น. เพื่อไปกินข้าวบนรถ Tram ใช้เวลาในการขึ้นรถ พร้อมกินข้าวเย็น ประมาณ 3 ชม.ค่ะ รถก็จะวนไปวนกลับ อ้อมไปอ้อมกลับรอบเมืองเพื่อให้เราชมบรรยากาศของเมืองค่ะ อาหารที่นี่อร่อย เสริฟกำลังพอดีค่ะ
เราสั่งเป็น Starter เราสั่งเป็นเมนูปลาเสริฟพร้อมกับป็อปคอน และน้ำซอส รสเปรี้ยวหวาน และซอสที่มีรสชาติเหมือนชีสค่ะ
จานต่อไปเราสั่งเป็นไก่ค่ะ เสริฟมาพร้อมกับ แครอด และเม็ดบัวค่ะ เนื้อไก่ชุ่มฉ่ำ ไม่แห่งเลย อร่อยค่ะพูดได้คำเดียว
ของหวานเราสั่งเป็นแครกเกอร์กับชีสคะ เพราะเค้าเขียนประมาณว่าเป็น local ชีส เราเลยสั่ง
แต่พี่อีกคนสั่งเป็น warm chocolate cake อร่อยมากค่ะ เนื้อเค้กนุ่ม หวานกำลังพอดี
แต่ ที่นี่รออาหารค่อนข้างนานนะคะ เพราะมีแม่ครัวคนเดียวค่ะ ทำสดๆตรงนั้นเลย เหมาะสมหรับคู่รัก ที่ต้องการบรรยากาศแบบโรแมนติก นั่งคุยกันอะไรประมาณนั้นค่ะ จบไปแล้วสำหรับวันที่ 3 ของการเดินทาง บ๊ายบ่ายยย
***************************************************************************